วันพุธที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2551

มือหนึ่ง ราคาจิ๋ว

ข่าวในประเทศ - ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งนี้นอกจากความสนใจจะมุ่งไปยังรถสปอร์ตหรูหราราคาแพงอย่าง บูกัตติ สไปเกอร์ หรือรถนั่งที่เพิ่งเปิดตัวอย่าง ฮอนด้า แอคคอร์ด แล้วยังมีอีกหนึ่งบูธที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ “โปรตอน”

เหตุที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานเป็นพิเศษเนื่องมาจาก ในบูธมีรถใหม่เปิดตัวถึง 3 รุ่น แซฟวี่(Savvy), นีโอ(Neo) และ เจน-ทู โดยเฉพาะโปรตอนรุ่นแซฟวี่ตั้งราคาต่ำมากเพียง 399,000 บาท (รุ่น Medium line เกียร์ธรรมดา) นับเป็นรถยนต์รุ่นแรกในรอบ 10 ปี ที่เปิดตัวโดยตั้งราคาต่ำกว่า 4 แสนบาท ประกอบกับรูปลักษณ์ที่เล็ก กะทัดรัด ดูโฉบเฉี่ยวดึงดูดผู้ชมงานให้แวะพักสอบถามข้อมูลต่างๆ

สำหรับโปรตอน แซฟวี่ เป็นรถ 5 ประตูขนาดเล็ก บรรจุเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 74 แรงม้า มีให้เลือก 3 รุ่นคือ Medium line แบบเกียร์ธรรมดา ราคา 399,000 บาท, แบบเกียร์อัตโนมัติ ราคา 439,000 บาท และรุ่น High line (มีแอร์แบ็คคู่, เอบีเอส, บีเอ และล้อขนาด 15 นิ้ว) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 469,000 บาท

ส่วนรุ่น นีโอ เป็นรถแบบ 3 ประตูขนาดเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า -564,000 บาท โดยจะมีรุ่นย่อยให้เลือก Medium line แบบเกียร์ธรรมดา ราคา 499,000 บาท, เกียร์อัตโนมัติ ราคา 534,000 บาท และรุ่นHigh line (มีแอร์แบ็คคู่, เอบีเอส, บีเอ และเข็มขัดดึงกลับ) เกียร์อัตโนมัติ ราคา 564,000 บาท


ขณะที่รุ่น เจน-2 รถแบบซีดาน 5 ประตู โปรตอนเลือกเปิดตัวงานนี้เป็นครั้งแรกในโลกก่อนมาเลย์เซีย โดยบรรจุเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร กำลังสูงสุด 110 แรงม้า และ ตั้งราคารุ่น Medium line แบบเกียร์ธรรมดา ราคา 549,000 บาท, เกียร์อัตโนมัติ ราคา 584,000 บาท และรุ่นHigh line เครื่องยนต์ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า มีแอร์แบ็คคู่, เอบีเอส, บีเอ และเข็มขัดดึงกลับ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 629,000 บาท

Quiz #4 Human Resource Information System



กลุ่มคนรักรถ มีบริษัทผลิตรถยนต์อยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ มีพนักงานกว่า 10,000 คน ดังนั้นการบริหารจัดการเกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ และเป็นจำนวนมากนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องนำ HRIS เข้ามาใช้เพื่อการบริหารจัดการ และการนำมาประยุกต์ใช้ในรูปแบบต่างๆทางกลุ่มคนรักรถก็หวังประโยชน์หรือความสามารถของระบบที่นำมาใช้ ให้ช่วยจัดการสิ่งต่อไปนี้


1.ช่วยในการวางแผนกำลังคน คือแสดงให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของอัตรากำลังคน,อัตราการเข้า-ออกของพนักงานในทุกภาคทุกสาขา ซึ่งจะช่วยให้สามารถวางแผนกำลังคนได้จากส่วนกลาง ไม่ต้องยุ่งยากเดินทางไปดูงานในทุกสาขา ในส่วนนี้คิดว่าจะนำ รูปแบบของ Man Power Planning (ระบบงานวางแผนกำลังคน)มาใช้ ในการจัดการในส่วนนี้


2.เรื่องของปัญหาในการจัดเก็บข้อมูลด้านประวัติส่วนตัวของพนักงาน ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภาคนั้นค่อนข้างทำได้ยาก เพราะแต่ละภาคก็มีบุคลากรมากในตัว จึงต้องการจะทำระบบทะเบียนประวัติให้รวบรวมอยู่ที่ส่วนกลาง หากต้องการนำไปใช้แต่ละภาคก็สามารถเข้ามาในระบบเพื่อนำข้อมูลในส่วนของภาคนั้นไปใช้ได้ เป็นการง่ายต่อการบริหารจากส่วนกลาง และทางสาขา หรือภาคใดๆ ก็สามารถที่จะเข้ามา UP DATE ข้อมูลพนักงานในส่วนของตัวเองได้ง่าย และทำให้ส่วนกลางมีประวัติของคนทุกคนในทุกภาค สาขา มาใช้ในการสรรหากำลังคนได้โดยดูจากประวัติ ความสามารถพิเศษ หรือประวัติการอบรม เพื่อหาคนโยกย้ายมาในส่วนที่เหมาะสม โดยจะนำรูปแบบของ Central Database (ระบบงานทะเบียนประวัติ) เข้ามาใช้แก้ปัญหาในส่วนนี้


3.ในการตรวจสอบเวลาการทำงาน ขาด ลา มาสาย ก็จะนำรูปแบบ Time Attendance (ระบบการตรวจสอบเวลา) มาใช้เพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ การขาด ลา มาสาย หากเกิดขึ้นบ่อยก็จะได้ทราบ และวิเคราะห์ปัญหานำไปสู่การแก้ไข เช่น พนักงาน ขาดงานบ่อยในระบบแจ้ง ก็นำไปวิเคราะห์ปัญหา ปรากฏว่าพนักงานไม่อยากมาทำงานเพราะสภาพแวดล้อมไม่ดี ก็จะได้ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ดีขึ้นให้คนอยากมาทำงาน อย่านี้เป็นต้น


4.ในการจ่ายเงินเดือน แน่นอนว่าต้องมีความยุ่งยากเกิดขึ้นจากฐานเงินเดือนที่ไม่เท่ากัน เวลาทำงานไม่เท่ากัน แถมยังมีหลายสาขา และแต่ละสาขาอัตราเงินเดือนในตำแหน่งเดียวกันก็ดันต่างกันอีก จึงจำเป็นต้องนำระบบ Payroll (ระบบด้านการคำนวนเงินเดือน)เข้ามาใช้ โดยมีฐานข้อมูลของพนักงานและฐานเงินเดือนอยู่ที่ส่วนกลาง และระบบก็จะไปดึงเอาข้อมูล จาก Time Attendance มาแล้วก็คำนวนเงินเดือนของแต่ละคนออกมา โดยอัตโนมัต ก็จะทำให้การจัดการเรื่องเงินเดือน ค่าตอบแทน ภาษี เป็นเรื่องง่ายขึ้นโดยเฉพาะกับองค์กรที่มีหลายสาขา มีคนมาก จำเป็นอย่างยิ่ง


5.ในการประเมินผลการปฏิบัติงานในองค์กรแบบดังกล่าวคงเป็นการยากยิ่งที่จะใช้คนไปเดินสายตรวจสอบประเมินผลการปฏิบัติงานของแต่ละคนเพื่อการขึ้นเงินเดือน เลื่อนขั้น หมุนเวียนเปลี่ยนงาน อะไรก็แล้วแต่ ดังนั้น ทางกลุ่มคนรักรถขอแนะนำให้ใช้ ระบบ Performance Evaluation (คือระบบการประเมินผลการปฏิบัติงาน) เพื่อมาประยุกต์ใช้ในการกำหนดมาตรฐานในการประเมินผล ช่วยในการบันทึก คำนวน เปรียบเทียบกับสาขาต่างๆ และสรุปผลให้เราได้ โดยเป็นมาตรฐานเดียวกัน หากใช้คนประเมินมาตรฐานอาจเปลี่ยนไปตามอารมณ์ ดินฟ้าอากาศ อย่างนี้เป็นต้น


6.ในเรื่องของฝีมือ ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญ ความรู้ ในกรอบที่คนมากขนาดนี้ สาขามากขนาดนี้ การที่จะรู้ว่าบุคคลใดควรจะต้องเข้ารับการอบรม คงจะร้องโอ้..โห จะรู้ไหมเนี่ย แต่ HRIS มีคำตอบ โดยนำเอาระบบ Training And Development เข้ามาใช้ครับ โดยระบบดังกล่าวจะวิ่งเข้าไปที่ฐานข้อมูลส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบที่ระบบ Performance Evaluation , Man power ,Central Database ,Time Attendance เพื่อดูข้อมูลของบุคคล ไม่ว่าจะเป็น ความสามรถ ข้อบกพร่องในการทำงาน ขาด ลา มาสาย และหาความจำเป็นที่บุคคลนั้นๆ จะต้องได้รับการอบรม และแสดงผลออกมาเป็น List ทำให้ง่ายในการที่จะฝึกอบรมและพัฒนา และที่สำคัญ จะสามารถอบรมและพัฒนาได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์


7.Welfare (ระบบงานสวัสดิการ)เป็นอีกระบบหนึ่งที่จะนำมาใช้เพื่อบริหารงานเกี่ยวกับสวัสดิการต่างๆเช่น ค่ารักษาพยาบาล ,เงินกู้,การเบิกวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อใช้ข้อมูลในการบริหารต่างๆเช่น มีข้อมูลการเบิกค่ารักษาพยาบาลมากขึ้น เกิดอะไรขึ้นทำไมคนเจ็บป่วยมากขึ้น เกิดจากการทำงานหรือเปล่าสภาพแวดล้อมในการทำงานเป็นอย่างไร เพื่อพิจารณาแก้ไขและพัฒนา อย่างนี้เป็นต้น


8.และข้อสุดท้ายคือ เมื่อมีสาขามาก คนมาก ถ้าคนขาดไปในแต่ละสาขาแน่นอนว่าจะต้องเดือดร้อนแน่ๆดังนั้นแนะนำให้ใช้ ระบบ Recruitment (การสรรหาบุคลากร)ซึ่งเป็นระบบข้อมูลที่บันทึกการสมัครงาน ในแต่ละสาขา ซึ่งสาขาที่สมัครอาจยังไม่ต้องการ แต่อีกสาขาต้องการก็จะสามารถนำข้อมูลการสมัครไปใช้เรียกมาสัมภาษณ์งานอีกสาขาหนึ่งที่ต้องการตำแหน่งนั้นๆได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายไปประกาศรับสมัครงานในสื่อต่างๆอีก อย่างนี้เป็นต้น




ที่กล่าวมาทั้ง 8 ข้อคือการที่กลุ่มคนรักรถ จะนำ HRIS ไปประยุกต์ใช้ในโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งมีสาขาอยู่ทั่วประเทศ และคนเป็นหมื่น เพื่อการบริหารงานบุคคล เขียนมาซะเยอะ แล้วมันดีอย่างไร ....อ้าว......




มันดีตรงที่เราสามารถบริหารงานบุคคลได้จากจุดศูนย์กลางจุดเดียว โดยไม่ต้องมีในทุกๆสาขา..แล้วงัยอ่ะ...


ก็ถ้ามีจุดเดียวเราก็จ้างคนแค่คนเดียว อาจจาเงินเดือนเยอะหน่อย แต่ถ้าไม่มี เรามีสาขา 100 สาขา ก็ต้องจ้างคนอีก 100 คน นี่คิดสาขาละคนเองนะ (มันก็ประหยัดค่าใช้จ่ายอ่ะดิ)




แล้วอีกอย่างเมื่อเราบริหารได้ทุกสาขาในจุดเดียว เราก็สามารถจะมองเห็นภาพรวมของบุคลากรได้ดีกว่าจะบริหารที่ สาขาใคร สาขามัน จะทำให้มองแคบ และมาตรฐานจะแตกต่างกัน ทั้งที่ควรจะใกล้เคียงกัน เมื่อเรามองเห็นภาพได้กว้างก็จะทำให้การบริหารงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย




อ้อ..ลืม อย่าลืมเอา ESS มาใช้ด้วยนะครับ บุคลากรจาได้รับข้อมูลข่าวสารจากฝ่ายบริหารและทราบข้อมูลของตัวเองและสามารถทำธุระกรรมกับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จะได้แจ้ง ขาด ลา มาสาย เบิกสวัสดิการต่างๆ โดยผ่านทางระบบได้อย่างรวดเร็ว (อย่าลืมอบรมพนักงานในการใช้ ESS ด้วยนะ)




เริ่มต้นอาจต้องลงทุนมหาศาล แต่ต่อไปในอนาคต คุณจะรู้ว่า มันคุ้มค่าที่ได้ใช้.......




"กลุ่มคนรักรถ"

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

NAVIGATOR



Global Positioning System หรือระบบบอกตำแหน่งบนโลก ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า GPS หมายถึง ฐานรับสัญญาณดาวเทียมระบบนำทาง (satellite-based navigation system) โดยมีเครือข่ายที่ส่งมาจากดาวเทียม GPS Block II หรือเรียกรวม ๆ ว่า NAVSTAR โคจรอยู่บนท้องฟ้ารอบโลก ที่ความสูงจากพื้นโลก 11,000 nautical miles (1 nautical mile เท่ากับ 6,076 ฟุต หรือระยะ 1 ลิปดาของเส้นรอบวงโลก) ระยะเวลาโคจรรอบโลก 12 ชั่วโมงต่อ 1 รอบ จำนวนรวมทั้งสิ้น 24 ดวง
ดาวเทียม GPS ดวงแรกถูกส่งเข้าวงโคจรเมื่อ พ.ศ. 2521 และในปี พ.ศ. 2537 ดาวเทียม GPS ดวงที่ 24 ก็ถูกส่งขึ้นไป (หมายเหตุ: ปัจจุบันดาวเทียม GPS มีอยู่ทั้งหมด 29 ดวง แต่อีก 5 ดวงจะเป็นดาวเทียมสำรอง เพื่อเตรียมใช้ทดแทนดาวเทียมที่กำลังจะหมดอายุ)
ระบบนำทาง GPS ในปัจจุบัน เอื้อประโยชน์แก่นักทางเดินทางได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้พ็อคเก็ตพีซี สามารถเลือกซื้อเครื่องรับ GPS ได้หลายแบบ แต่แบบที่ได้รับความนิยมที่สุดน่าจะเป็น GPS Navigator ที่มี Bluetooth เหมาะสำหรับการใช้งานในรถยนต์หรือยานพาหนะทางบก ทางเรือ และทางอากาศได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าเป็นนักเดินทางที่ไม่นิยมเดินทางด้วยรถยนต์ ก็คงจะต้องใช้แบบ SDIO หรือ CF Card รวมทั้งแบบที่ติดตั้งระบบ GPS มากับตัวเครื่องแบบของ MiTAC เพราะสามารถพกพาไปได้สะดวก แต่ก็ต้องแลกกับอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ที่ลดลง ซึ่งก็คงต้องหาแบตเตอรี่สำรองมาเตรียมไว้
ปัจจุบันมีผู้ผลิตแผนที่ GPSในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศไทยสำหรับใช้งานบนพ็อคเก็ตพีซี มาให้เลือกซื้อกันหลายราย แม้ว่าในหลาย ๆ จุด อาจยังขาดรายละเอียด และไม่ครอบคลุมทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เทียบไม่ได้กับแผนที่ของทางประเทศในกลุ่มยุโรปหรือสหรัฐอเมริกา หรือแม้แต่บางประเทศในเอเชีย เช่น ฮ่องกง ญี่ปุ่น แต่ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ใช้งานได้ โดยเฉพาะแผนที่ในส่วนของกรุงเทพมหานคร รวมทั้งยังมีผู้ให้บริการข้อมูลผ่าน GPRS เช่น i-Mobile by SAMART ในการช่วยค้นหาสถานที่ต่าง ๆ เช่น ร้านอาหาร ตึกอาคารที่สำคัญ รวมทั้งนำภาพจากกล้องของตำรวจจราจร สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ติดตั้งในจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพมหานคามาดูบนพ็อคเก็ตพีซีได้ เพื่อใช้การตัดสินใจในการเลือกเส้นทาง นับว่าเป็นประโยชน์มาก มีความเห็นว่า GPS เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ผู้ใช้พ็อคเก็ตพีซีสามารถใช้ประโยชน์จากคอมพิวเตอร์พกพาตัวนี้ ให้เกิดประโยชน์กับชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญการใช้งาน GPS สามารถใช้ได้ตลอดเวลาที่ต้องการ และไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด น่าจะถึงเวลาแล้วที่จะต้องหา GPS มาใช้งานกัน เพื่อการเดินทางอย่างมีความสุขไปกับพ็อคเก็ตพีซีคู่ใจของคุณ.

วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

กฏหมาย คำนำหน้าชื่อ คุณคิดอย่างไรกับ กม.นี้

คิดอย่างไรกับร่าง กม.คำนำหน้าชื่อ พร้อมให้สิทธิ์คนแปลงเพศ
น้องปอย สาวประเภทสองสุดสวย
ร่างกฏหมายคำนำหน้าชื่อ พร้อมให้สิทธิ์เต็มที่กับชาย-หญิงที่แปลงเพศแล้ว สามารถเปลี่ยนคำนำหน้าชื่อเป็น “นางสาว”และ “นาย”ได้ นอกจากนี้ยังให้สิทธิ์หญิงที่จดทะเบียนแต่งหรือหย่าร้างใช้คำว่า “นาง”หรือ “นางสาว”ได้ตามความพึงพอใจ

นางจุรี วิจิตรวาทการ ประธานอนุกรรมาธิการสตรี ในคณะกรรมาธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และความมั่นคงของมนุษย์ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เปิดเผยว่า การยกร่าง พ.ร.บ.คำนำหน้านามบุคคลเสร็จแล้ว โดยมีสาระสำคัญ ว่า หญิงที่จดทะเบียนแล้ว จะใช้คำนำหน้าว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจหญิงที่จดทะเบียนสมรสและเปลี่ยนคำนำหน้านามเป็น “นาง” หรือต่อมาจดทะเบียนหย่า จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาง” หรือ “นางสาว” ได้ตามความสมัครใจ
นอกจากนี้ ยังให้สิทธิ์กับชายและหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ให้ใช้คำนำหน้าว่า “นางสาว” และ “นาย” ได้ แต่มีเงื่อนไขว่า ต้องผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป เพื่อให้สอดคล้องกับเพศสภาพใหม่ และลดปัญหาการถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม โดยระบุว่า ชายที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นเพศหญิงแล้ว ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะใช้คำนำหน้านามว่า “นางสาว” ได้
และหญิงที่ผ่าตัดแปลงเพศเป็นเพศชายโดยผ่านการรับรองจากคณะกรรมการทางการแพทย์ และมีอายุ 15 ปี ขึ้นไป จะใช้คำนำหน้านามว่า “นาย” ได้ ขณะนี้กำลังขอรายชื่อสมาชิก สนช.รับรองไม่น้อยกว่า 25 ชื่อ เสนอเข้าพิจารณาในที่ประชุม สนช.หากที่ประชุมรับหลักการ และรัฐบาลเห็นสอดคล้อง ตั้งกรรมาธิการร่วม ถ้ารัฐบาลไม่รับหลักการ สนช.สามารถเสนอเองได้
ขณะเดียวกันกระบวนการรับรองการแปลงเพศจะต้องทำอย่างรอบคอบ มีนักจิตวิทยา และนักสังคมสงเคราะห์ ร่วมพิจารณาด้วย ซึ่งต้องกำหนดระยะเวลาว่าแปลงเพศมาแล้วกี่ปี จึงจะสามารถเปลี่ยนคำนำหน้านามได้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ต้องกำหนดรายละเอียดหลังจากที่กฎหมายผ่านความเห็นชอบ หากสงสัยตรวจสอบได้ไม่ยาก เพราะระบบทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทยใช้ระบบออนไลน์
ขณะที่ น.ส.ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่ เครือข่ายความหลากหลายทางเพศ กล่าวว่า กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศ กำลังรวบรวมรายชื่อให้ได้มากที่สุด ล่าสุดมีรายงานแจ้งว่ามีจำนวนกว่า 2,000 รายชื่อแล้ว และให้การสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งในวันที่ 3 ตุลาคมนี้ จะนำรายชื่อไปยื่นให้นายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธาน สนช.ขอให้สมาชิก สนช.ช่วยผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว และต้องให้สิทธิคนที่ยังไม่แปลงเพศด้วย เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว มีคนที่ยังไม่แปลงเพศมากกว่าคนที่แปลงเพศแล้ว
****** แล้วพวกท่านว่ามีความเหมาะสม เห็นสมควรด้วยหรือไม่ครับบบบบบบบ******
โดย ทะเลดาว

วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2551

พลังงานทดแทน


ก๊าซ NGV และ LPG สามารถใช้ได้กับรถยนต์ โดยใช้ในระบบเชื้อเพลิงแบบทวิ คือใช้ก๊าซและน้ำมัน ข้อด้อยคือ - น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากถังบรรจุก๊าซ และเมื่อรวมน้ำหนักของเนื้อก๊าซที่เติมเข้าไป จะทำให้น้ำหนักของรถเพิ่มขึ้น ประมาณ 86 กก (ถังก๊าซ 66 กก. + เนื้อก๊าซประมาณ 20 กก.) - เสียพื้นที่บรรจุสัมภาระ (เนื่องจากต้องติดตั้งถังบรรจุก๊าซในพื้นที่หลังรถ) - กำลังเครื่องยนต์และอัตราเร่งด้อยกว่าการใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง (เนื่องจากอากาศจะเข้าไปในเครื่องยนต์ได้น้อยลง รวมถึงน้ำหนักรถที่เพิ่มขึ้นจากถังก๊าซที่ติดตั้งเพิ่มเติม) - ต้องทำการตรวจเช็คและตั้งวาล์วไอเสียทุกระยะการใช้งาน ประมาณ 40,000 - 60,000 กม. (บ่อยกว่าการใช้น้ำมันเบนซิน) บ่าวาล์วไอเสียของเครื่องยนต์ใช้ก๊าซ NGV และก๊าซหุงต้มมีโอกาสจะสึกหรอเร็วกว่าการใช้น้ำมันเบนซินหากการติดตั้งอุปกรณ์ฯ ดำเนินการโดยผู้ที่ไม่มีความรู้เรื่องก๊าซ แต่ทั้งนี้ ปตท. ได้ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาอันเนื่องจากความผิดพลาดและความเลินเล่อในการติดตั้งอุปกรณ์ฯ ดังนี้ : - อุปกรณ์ปรับเวลาการจุดระเบิดของหัวเทียน (Timing Advance) ให้เหมาะกับการใช้ก๊าซ NGV - รถยนต์ต้องสตาร์ทด้วยน้ำมันเบนซินทุกครั้งจนความเร็วรอบของเครื่องยนต์ได้ตามค่าที่กำหนด (Set)ไว้ จึงจะเปลี่ยนไปใช้ก๊าซ NGV แทนน้ำมัน - แนะนำให้ตรวจเช็คและตั้งวาล์วไอเสียทุกระยะทางประมาณ 40,000 - 60,000 กม. การติดตั้งก๊าซ NGV จะแพงกว่า LPG และสถานีเติมก๊าซจะน้อยกว่า แต่จะปลอดภัยกว่า ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่http://pttinternet.pttplc.com/ngv/main/index.html

ตอนนี้ราคาน้ำมันก็30กว่าบาทเข้าไปแล้ว ขณะที่ NGV 9 บาทและ LPG 11 บาท

คุณคิดว่าควรใช้พลังงานทดแทนหรือไม่

แล้วถ้าจะใช้จะเป็น LPG หรืด NGV ดีครับ

ขอความคิดเห็นหน่อย